หัวข้อ
- #เกณฑ์การประเมิน
- #ข้อกำหนดของโครงการ
- #RFP
- #กำหนดเวลาของโครงการ
- #การเขียนข้อเสนอ
สร้าง: 2024-05-16
สร้าง: 2024-05-16 12:35
RFP (Request for Proposal) หมายถึง หนังสือขอเสนอราคาสำหรับโครงการหรือบริการเฉพาะเจาะจง เป็นเอกสารที่องค์กรใช้ในการอธิบายโครงการให้กับซัพพลายเออร์หรือผู้ให้บริการภายนอก และขอให้พวกเขาส่งข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม โดยทั่วไปแล้ว RFP จะถูกใช้โดยบริษัท หน่วยงานรัฐบาล องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ฯลฯ เพื่อช่วยในการคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุด โดยการกำหนดเป้าหมาย ข้อกำหนด และเกณฑ์การประเมินผลของโครงการให้ชัดเจน การส่ง RFP มักมาพร้อมกับการขอให้พิจารณาการเสนอราคาโดยอ้างอิงเอกสารประกอบ
บริษัทที่ได้รับ RFP สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเสนอราคาหรือไม่ และหากตัดสินใจเสนอราคา ก็จะต้องส่งข้อเสนอพร้อมกับใบเสนอราคา โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการส่งมอบจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์
RFP (Request for Proposal) คืออะไร?
ใน RFP นี้จะมีการระบุรายละเอียดของฟังก์ชันที่ลูกค้าต้องการสร้างขึ้นในโครงการอย่างละเอียด แต่ไม่ควรเชื่อว่ามีทุกฟังก์ชันครบ 100% บางครั้งอาจมีส่วนที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ เช่น การจัดการข้อมูลส่วนบุคคล หรือฟังก์ชันพื้นฐานที่อาจจะไม่มีอยู่ใน RFP ดังนั้น แม้ว่าจะได้รับ RFP แล้ว ก็ควรตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีส่วนใดขาดหายไปหรือไม่ และติดต่อสอบถามว่าส่วนนั้นๆ เป็นสิ่งที่ลูกค้าไม่ต้องการหรือไม่
**แม้ว่า RFP จะระบุให้สอบถามหากมีข้อสงสัย ก็อย่าได้ลังเลที่จะสอบถาม!**
จากนั้นจึงจัดทำใบเสนอราคาโดยอ้างอิง RFP และหากมีฟังก์ชันหรือข้อเสนอที่ลูกค้าคาดไม่ถึง ก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเสนอราคาแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ราคาเป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมิน ดังนั้นการเสนอข้อเสนอที่ทำให้ราคาสูงขึ้นมากเกินไปจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี
**1. ภาพรวมของโครงการ:**
อธิบายวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการโดยย่อ เพื่อให้ผู้เสนอราคาเข้าใจถึงพื้นฐานและความจำเป็นของโครงการ
**2. ข้อกำหนดรายละเอียด:**
ระบุข้อกำหนดเฉพาะของโครงการและผลลัพธ์ที่คาดหวัง อาจรวมถึงข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค ข้อกำหนดการทำงาน เกณฑ์ประสิทธิภาพ ฯลฯ
**3. คำแนะนำในการส่งข้อเสนอ:**
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนและการส่งข้อเสนอ อธิบายรูปแบบ จำนวนหน้า ระยะเวลาในการส่ง และเอกสารที่จำเป็นอย่างชัดเจน
**4. เกณฑ์การประเมิน:**
อธิบายเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินข้อเสนอ อาจรวมถึงราคา คุณภาพ ประสบการณ์ ความสามารถทางเทคนิค การปฏิบัติตามกำหนดเวลา ฯลฯ
**5. กำหนดการของโครงการ:**
ระบุวันเริ่มต้น วันสิ้นสุด และจุดสำคัญของโครงการ รวมถึงกำหนดการตรวจสอบระหว่างทาง เพื่อให้ผู้เสนอราคาสามารถจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับกำหนดการ
**6. งบประมาณ:**
ระบุงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการ เพื่อช่วยให้ผู้เสนอราคาสามารถประเมินค่าใช้จ่ายที่เป็นจริงและเตรียมข้อเสนอ
**1. การสื่อสารที่ชัดเจน:**
RFP เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถสื่อสารความคาดหวังและความต้องการของโครงการได้อย่างชัดเจน ช่วยลดความเข้าใจผิดและทำให้ซัพพลายเออร์สามารถส่งข้อเสนอที่ถูกต้อง
**2. การแข่งขันที่เป็นธรรม:**
RFP ให้โอกาสในการรับข้อเสนอจากซัพพลายเออร์หลายรายอย่างเป็นธรรม ทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถพิจารณาตัวเลือกต่างๆ และเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุด
**3. การบริหารความเสี่ยง:**
การกำหนดข้อกำหนดของโครงการและเกณฑ์การประเมินผลอย่างชัดเจน ช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า ส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จมากขึ้น
**1. การเตรียม RFP:**
**2. การเผยแพร่ RFP:**
**3. การรับข้อเสนอ:**
**4. การประเมินข้อเสนอ:**
**5. การเจรจาต่อรองและการทำสัญญา:**
**ภาพรวมของโครงการ**
**ข้อกำหนดรายละเอียด**
**คำแนะนำในการส่งข้อเสนอ**
**เกณฑ์การประเมิน**
**กำหนดการของโครงการ**
**งบประมาณ**
RFP เป็นเอกสารสำคัญสำหรับการดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จ ช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถสื่อสารความต้องการได้อย่างชัดเจนและคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่เหมาะสมที่สุด การจัดทำ RFP ที่ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน กำหนดข้อกำหนดที่เป็นรูปธรรม และจัดทำเกณฑ์การประเมินผลที่เป็นธรรม ขั้นตอนการดำเนินการ RFP ช่วยให้สามารถบริหารความเสี่ยงของโครงการและนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
❗**ข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรรู้**
แม้ว่าก่อนที่จะขอ RFP จะมีการประชุมหารือเบื้องต้นกันแล้ว แต่ RFP ที่ส่งมานั้นอาจไม่ตรงกับเนื้อหาที่หารือไว้เสมอไป เช่น อาจมีการพูดคุยกันว่าสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ได้ แต่พอส่ง RFP มาแล้วกลับเปลี่ยนใจขอให้ติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทแทน ดังนั้นอย่าเพิ่งตัดสินใจเสนอราคาเพียงเพราะมีการหารือไว้ก่อนหน้านี้ ควรอ่าน RFP อย่างละเอียด สอบถามข้อสงสัย และยืนยันว่าจะเสนอราคาจริง ๆ ก่อนจึงเริ่มเขียนข้อเสนอ
ความคิดเห็น0